วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อิตาลี





อิตาลี เป็นหนึ่งในประเทศที่มีเสน่ห์น่าสนใจหนึ่งในโลก.. ดินแดนแห่งวัฒนธรรม กว่าศตวรรษที่กำเนิดและเจริญรุ่งเรืองมาจน ทุกวันนี้..ศูนย์กลางของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ในอดีตกาล ที่ครอบคลุมตลอดอาณานิคม ดินแดนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน... โรม มิลาน เวนิส ฟลอเรนซ์ เช่นเดียวกับเมืองน้อยใหญ่อื่นๆที่สวยสดงดงาม พร้อมทั้งประวัติ ศาสตร์ร่องรอยที่ฝังใจอันจะเห็นได้จากอนุสาวรีย์และธรรมชาติของเมืองนั้นๆ ... คนทั่วทุกมุมโลกวันแล้ววันเล่า ต่างมาเยือนความสวยงามของอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ฮันนีมูนหนุ่มสาวต่างปรารถนาที่จะมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์.. ดินแดนในฝันแห่ง ความรักและโรมานซ์. 




กรุงโรม (Rome) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซิโอและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5ล้านคน ถ้ารวมเมืองโดยรอบจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกอีกด้วย



โคลอสเซียม (อังกฤษ: Colosseum อิตาลี: Colosseo - โคลอสโซ) 
เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็น รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ





พระราชวังวาติกัน(Vatican Palace) ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นศูนย์กลางการปกครองของศาสนาคริสต์เเละยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตปาปาประมุขฝ่ายศาสนาคริสต์ เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกใช้ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนาต่างๆเป็นงานสถาปัตยกรรมที่งดงามลวดลายวิจิตรด้วยฝีมือศิลปินชาวอิตาลีหลายคนหลายยุคสมัยกว้าง 289 ฟุต ยาว 486 ฟุต สูง  354 ฟุต มียอดปราสาทมากถึง 135 ยอด เเละห้องต่างๆมากถึงสี่พันห้องนับเป็นงานก่อสร้างที่งดงามเเละมหัศจรรย์อีกเเห่งหนึ่งของโลก ภายในจะมีจุดสนใจของผู้ที่มาท่องเที่ยวก็คือ  รูปภาพ ปิเอต้า(Pieta) สร้างสรรค์โดย ไมเคิลแองเจโล่ เป็นศิลปะ สมัยยุดเรนาชองต์ ประดิษฐาน ขึ้นที่ มหาวิหารวิหารเซ็นต์ ปีเตอร์ในศตวรรษที่ 18 โดยเป็นภาพของพระแม่มารีย์ ทรงโอบอุ้มพระเยซูก่อนที่ท่านจะสิ้นใจนอกจากนั้นยังมีศิลปะหลายแขนง ให้เลือกชม มากมาย




น้ำพุเทรวี่ (Trevi Foutain) น้ำพุเทรวี่แห่งนี้ เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง “Three Coins in the Fountain” แถวนี้ผู้คนเบียดแน่นจนแทบไม่มีที่ยืน เทรวี่จอแจกว่าที่ไหน ๆในโรม คงเป็นเพราะความสวยงามทางสถาปัตยกรรม จึงทำให้ผู้คนแห่แหนกันมามากขนาดนี้ แต่กว่าจะออกมาสวยแบบนี้ มีการสร้างขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งลงตัวที่แบบดีไซน์ของสถาปนิกชื่อฟรานเซสโก ซาลวี(Francesco Salvi )ในช่วงศตวรรษที่ 17 นี้เอง ส่วนกลางของน้ำพุนั้นมีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ขี่รถม้าติดปีก แสดงถึงความมีสุขภาพที่แข็งแรง และความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร




บันไดสเปน (Piazza di spagna ) หนึ่งในจุดที่สวยในกรุงโรมบ่ายๆ ผู้คนจะมานั่งพักผ่อนพบปะกันเต็ม ย่านชอปปิ้งที่หรูหราที่สุดของเมือง มีซอยเล็ก ซอยน้อย ที่ท่านจะได้เดินเที่ยวชมและช้อปปิ้งเพลิดเพลิน



เมืองมิลาน (Milan) มีชื่อเสียงในด้านแฟชันและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชันในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม นอกจากนี้มิลานยังเป็นที่รู้จักจากประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า ปาเนตโตเน อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ


มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo di Milano) เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองมิลาน และเป็นวิหารหินอ่อนสถาปัตยกรรมโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี ลักษณะเด่นของวิหารที่นอกเหนือจากความวิจิตรงดงามแล้ว ยังประดับประดาไปด้วยรูปปั้นนับกว่า 3000 รูป ที่สวยงามไม่แพ้กัน 



โบสถ์ซานตามาเรีย เดอ กราซี (Santa Maria delle Grazie)เป็นสถานที่ตั้งของภาพจิตรกรรมฝาผนัง ‘พระกระยาหารมื้อสุดท้าย’ ที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี คริสตจักรที่มีชื่อเสียงแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 1490 หลังจากนั้น 5 ปี ลีโอนาร์โด ดาวินชี ได้ถูกขอให้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในหอฉันของคอนแวนต์ซึ่งต่อมาผลงานชิ้นนี้ได้กลายเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา


เมืองฟลอเรนซ์   (Florence) จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางศิลปะ และสถาปัตยกรรมอีกแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งมันเป็นเมืองที่ชื่อเสียงมากในช่วงยุคกลาง และ ยุคเรนเนอซองส์ สถาปัตยกรรมของสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนของคุณอย่างแน่นอน มาร่วมขุดประวัติศาสตร์ที่จะทำให้คุณได้ประสบการณ์ที่น่าจดจำมากกว่าการผจญภัยเสียอีก เมืองที่เต็มไปด้วยผลงานศิลปะของเหล่าศิลปินระดับโลก สถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง พิพิทธภัณฑ์ และอนุเสาวรีย์ ที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก


เวนิซ เป็นเมืองหลวงของ Veneto ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ผู้คนต่างเรียกมันว่า “เมืองแห่งแสง”, “เมืองแห่งสายน้ำ”, “เมืองแห่งสะพาน” และ “ราชินีแห่งอะเดรียติก” เมืองแห่งนี้รายล้อมไปด้วยหมู่เกาะขนาดเล็กที่ถึง 118 เกาะ และถูกยกย่องให้เป็นเมืองที่มีความสวยงามแบบสุดๆ ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรม และทัศนียภาพรอบเมือง คุณจะได้ชมความงดงามรอบตัวเมืองด้วยการล่องเรือไปตามสายน้ำ ซึ่งความงามของเมืองเวนิสจะทำให้คุณเพลิดเพลินจนยากที่จะลืมเลือน



หอเอนปิซา (Pisa Leaning Tower) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ประเทศอิตาลี ซึ่งสร้างด้วยหินอ่อน สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้น โดยเริ่มสร้างเมื่อ ค.ศ. 1174 เสร็จเมื่อปี ค.ศ.1350 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 176 ปีสำหรับหอเอนปิชานี้ ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคที่สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ส่วนสาเหตุที่เอียงนั้นเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสร้างเสร้จแล้ว ฐานได้ทรุดไปข้างหนึ่ง เมื่อวัดดูปรากฏว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 14 ฟุต แต่ก็ยังไม่ล้ม ยังคงเอียงอยู่เช่นทุกวันนี้ ณ ที่หอเอนปิซาแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น